หลักปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยติดเตียง

อย่างที่เราทราบกันดีว่าผู้ป่วยติดเตียงมีสภาวะที่ลำบากไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ไม่สามารถเคลื่อนที่หรือเคลื่อนไหวร่างกายจากการสั่งงานด้วยสมองของตนเองได้ จึงมีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้ได้รับความเสี่ยงจากอันตรายต่าง ๆ รอบตัวในการใช้ชีวิตประจำวัน รวมทั้งอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างคาดไม่ถึง สิ่งที่ลูกหลานควรจะทำการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงไม่เกิดอันตรายกับผู้ป่วยได้  ซึ่งต้องบอกเลยว่าในส่วนของผู้ป่วยติดเตียงนั้นจะต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ สามารถหกล้มหรือเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อยู่เสมอ ดังนั้นหากผู้ดูแลได้ปรนนิบัติอย่างใกล้ชิดจะทำให้เห็นถึงความผิดปกติต่าง ๆ ของร่างกายผู้ป่วย รวมทั้งได้อยู่ใกล้สังเกตได้ถึงความต้องการหรือการส่งสัญญาณบางอย่างของผู้ป่วย   ในบางครั้งผู้ป่วยอาจจะแค่ต้องการการดื่มน้ำหรือมีอาการบ่งบอกว่าต้องการจะทำอะไรบางอย่างโดยเฉพาะการทำในสิ่งที่ตนเองเคยทำเป็นประจำเป็นกิจวัตรแต่เมื่อกลายมาเป็นผู้ป่วยติดเตียงก็จะต้องหยุดทำกิจกรรมเหล่านั้นหรือไม่สามารถทำกิจกรรมที่ตนเองชื่นชอบด้วยตนเองได้ ในส่วนของผู้ดูแลจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับสภาวะร่างกายและอารมณ์ของผู้ป่วย คอยเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยเพื่อให้สามารถฝันฝ่าอุปสรรคความยากลำบากในครั้งนี้ไปได้ รวมทั้งจะต้องหมั่นทำกายภาพบำบัดให้กับผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ผู้ป่วยมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้นสามารถมีพละกำลังที่จะพอหยิบจับหรือทำอะไรด้วยตนเองอย่างง่ายได้เพิ่มมากขึ้น  จึงควรมีการคัดสรรอาหารที่มีคุณค่าอาหารและโภชนาการในการบำรุงและฟื้นฟูสภาพกล้ามเนื้อกระดูกและเส้นเอ็นให้กับผู้ป่วยเพื่อให้มีความแข็งแรงมีการยืดหยุ่นตัวได้ดี สามารถหยิบจับหรือมีการออกพละกำลังเพียงเล็กน้อยในการช่วยเหลือตนเองได้บ้างอย่างง่ายเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดภาระและความเหนื่อยล้าของผู้ดูแลลงไปได้บ้าง ซึ่งเมื่อมีการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่กับการพักผ่อนและการทำกายภาพบำบัดจะทำให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นฟูกล้ามเนื้อของตนเองและมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น  รวมทั้งมีการเข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเป็นประจำจะส่งผลให้ผู้ป่วยสามารถหายจากสภาวะการเป็นผู้ป่วยติดเตียงได้ในอนาคต ซึ่งต้องใช้ทั้งเรี่ยวแรงกำลังกายและกำลังใจในการฟันฝ่าอุปสรรคและความเสียใจไปให้ได้ให้ลุกขึ้นมาเข้มแข็งและต่อสู้กับความยากลำบากของสภาพร่างกายไปให้ได้เพื่อให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อีกครั้งโดยไม่ต้องนอนอยู่บนเตียงให้ใครต้องมาคอยดูแลอีกต่อไปมันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนักแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไปที่จะไม่สามารถทำได้